วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

^_^''ความรักกับความผูกพันเหมือนกันจริงเหรอ''^_^

....วันนี้ เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง จนคิดว่าเราขาดไม่ได้... แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป สักวันเราจะรู้ว่า สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต


วัน หนึ่ง หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่ที่เราคิดว่าเราพึงใจ..ปรารถนา ..ต้องการ..ขาดไม่ได้ เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก


เวลา.. จะสอนเราเองว่า ความผูกพันกับสิ่งใดๆในช่วงเวลาหนึ่ง จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้นๆ อย่าได้ไปยึดติด อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตลุ่มหลง คิดเสียว่าเราโชคดีที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก


ความ ผูกพันก็เหมือนกับความรัก หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก แต่ความผูกพันที่ว่า ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเองไว้กับสิ่งนั้นๆ เพราะคนเราทุกคนย่อมผูกพันกับหลายๆสิ่ง


เปรียบเสมือน เรามีแก้วนำอยู่หนึ่งใบ
ในยามเช้า...เราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม
พออากาศร้อนหน่อย...เราอาจต้องการน้ำเย็นๆ
บางครั้งที่เราไม่สบาย...เราอาจต้องการน้ำอุ่น


ใจ เราก็เหมือนกับแก้วน้ำ...ต้องเติมสิ่งต่างๆ ในเวลาที่แตกต่างกัน ตามความเหมาะสมหากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำแล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันที ในแก้วใบเดียวกัน
แก้วใบนั้น..ก็จะร้าว..เริ่มแตก ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา...


ความ ผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่งนั้น..ไม่ผิด ถ้าเราค่อยๆ ปรับใจ..ปรับตัวของเราเอง..ให้กลับคืนในเวลาที่ควร เพราะอย่างน้อยที่สุด..เราก็มีโอกาสได้ผูกพัน
ซึ่งก็เหมือนเรามีโอกาสได้รักนั่นเอง


*-*ยิง่รักยิ่งไม่เข้าใจเลย*-*


ยิ่งรู้จักความรักมากเท่าไร
ฉันยิ่งเจ็บเท่านั้น
น้ำตาก็ไหลใจเหมือนจะขาด
ไม่เคยเข้าใจที่ต้องทรมาน
ขนาดนี้
และสุดท้าย ฉันก็ไม่มีใคร
ฉันได้แต่ทบทวนว่าทำไม
ชีวิตมันต้องเจ็บช้ำ
แค่อยากจะรู้ รักนั้นคืออะไร
ยิ่งฉันเรียนรู้มันมากแค่ไหน
ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจสักอย่างจริงๆ
ไม่เคยเข้าใจ
ยังต้องเรียนรู้มันไปอีกเท่าไร
ในเมื่อสุดท้ายยิ่งรู้
ยิ่งไม่มีใคร

วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

"ลำนำเลือด...ข้างกองไฟ"

......จากบันทึกบนบรรทัดประวัติศาสตร์
เราสามารถย้อนมองเห็นช่องว่าง
ความเปลี่ยนแปรเป็นไปไร้กรอบวาง
จึงระหว่างวิวัฒน์วิบัติเบียน
......โดยพื้นฐานคนไทยไม่ยึดหลัก
แต่ชอบจักคอยตะแบงดัดแปลง
เปลี่ยนกี่แผนบทกำหนดแน่วแนวจำเนียร
ผลผิดเพี้ยนเพราะผู้นอกลู่ทาง
......ต้องมีคนกวดขันหมั่นกำกับ
คอยบังคับบัญชาอย่าเว้นว่าง
หากโอนอ่อนผ่อนปรนผลอับปาง
อย่าเหินห่างเผลอให้อยู่ไกลตา
......เพราะทำได้ตามใจคือไทยแท้
คำเก่าแก่ที่นับวันสร้างปัญหา
คนในชาติขาดวินัยแต่ไรมา
จนลูบหน้าปะจมูกไม่ถูกควร
......บ้างไม่ยอมหยิกเล็บกลัวเจ็บเนื้อ
น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าพาผันผวน
แถมผักชีโรยหน้ามาเป็นพรวน
ลืมทบทวนผิดถูกปลูกฝังกัน
......ยลเยี่ยงศรีธนญชัยใช้ประพฤติ
กลับหลงยึดเอาอย่างไม่สร้างสรรค์
บางคนเปลี่ยนจุดหมายเป็นรายวัน
เห่อแฟชั่นตามกระแสปรวนแปรนัก
......หลังวัตถุนิยมผูกปมเงื่อน
ยิ่งบิดเบือนสังคมจนจมปลัก
ศีลธรรมรำไรไร้รูปลักษณ์
ก็ถูกผลักเสือกไส"..จากใจคน.."

**//--"ไม่มีวันไหนไม่คิดถึง"--//**

...นานแล้วนะ

...แต่ฉันยังคิดถึงเพลงซึ้งซึ้งบรรเลงอยู่
...ไม่จางหายทุกสิ่งนั้นดังก้องอยู่ในหัวใจไม่อาจมีสิ่งใด
...ที่ลบเลือน ...................\

^_^เจ้าชายชินจัง^_^...ของทุกคน
ขอให้มีสุขล้น...ให้สุขสันต์ขอสัญญา
......จะคิดถึงเธอทุกวัน......
“รักชั่วนิจนิรันดร์”...ฉันขอมอบให้เธอ

ต่อหน้าฉันเธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร

ซ่าส์สั่นๆไม่วายยังคงต้องคิดถึงคนใจอ่อน(อ่อนใจ)

เพราะหวานซึ้งโอ๊ยมึนตึบตะลึงนั่งงวยงงอยากเป็นคนนั้น

ในใจเธอคอยละเมอเพ้อหาใคร่ไหลหลงC.I.A.

ค้นใจขอถามเธอตรงตรงเธอยังคงมีใครใช่ไหมช่วยบอกที

อยากบอกว่าไม่เปลี่ยนใจเธอคนเดียว"..BigD2B.."

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

สัญญาณไม่ดีหรือใจมีปัญหา

"เครือข่ายรักใครซ่อนมา...โทรไปสายเลยไม่ว่าง "


กรุณาฝากข้อความ หลังสัญญาญ
นี้เธอไม่รับสายกัน เลยไช่ไหม
ฉันไม่คิดมากเลย.. ถ้าเธอไม่หายหน้าไป
เกิดอะไรฮึเกิดอะไร อธิบายให้ที่ กรุณาฝากข้อความ
อยู่เรื่อยไป เหมือนว่าเธอไม่สนใจ..ว่ามีฉัน

* ไม่ค่อยโทรมาคุย ว่างก็ไม่ตรงกัน
โทรเข้าไปไม่รับสายกัน ให้ฉันแปลยังไง...

** สัญญาญไม่ดี..หรือหัวใจมีปัญหา
เครือข่ายรักใครซ่อนมา โทรไปสายเลยไม่ว่าง
เบอร์ที่ให้ไว้ ไม่รู้..เผลอหลบทิ้งไปหรือยัง
หรือตอนที่สายไม่ว่าง กําลัง(เธอ)โทรหาคนอืน..

ไม่สบายใจที่เห็นเธอ เป็นอย่างนี้
นี้ไม่น่าไช่วิธีคนรักกัน ฉันนั้นคิดถึงเธอ..
หวังเธอคงเหมือนกัน แต่โทรเข้าไปไม่รับสายกัน
ยังรักกันจริงหรือเธอ....

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

"ถ้าวันหนึ่งฉันเลิกกับเขา".."เรารักกันได้ไหม"




ส่วนลึกของหัวใจฉันยังมีเธออยู่กับฉันทุกช่วงเวลา
ไม่ว่าทุกข์ สุข หรือเหงา เธอยังอยู่กับฉันเสมอ
ถึงแม้ว่ามันเป็นแค่ “ความรู้สึกที่ฉันมี”
แต่ฉันก็ยังภูมิใจที่ฉันยังสามารถเก็บความรู้สึก ๆ ดี ๆ


ที่เธอเคยให้ไว้กับฉัน ฉันยังจำวันแห่งความสุขของเราได้
ถึงแม้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สั้น ๆ แต่ฉันจะขอจดจำมันไปตลอด
ถึงแม้ว่าคนข้าง ๆ ฉันตอนนี้มันไม่ใช่เธอ…
แต่ฉันก็จะยังคงขอเก็บเธอไว้ในส่วนลึกของหัวใจของฉัน
ฉันอาจจะเคยเสียใจ ร้องไห้ ทรมาน เหงา…
เวลาที่เธอจากไป….
แต่ฉันจะลบสิ่งเหล่านั้นออกไป..
ฉันจะเก็บ “ความสุข” ไว้กับฉันตลอดไป
เรามีสิทธิ์เลือกที่จะเก็บความรู้สึกดี ๆ และเลือกที่จะลบ
ความทรงจำที่ไม่ดีออกไปได้
และฉันจะเก็บสิ่งดี ๆ ให้อยู่กับฉันไปตราบนาน
แม้ว่าวันนี้ หรือวันต่อไป ไม่มีเขาอยู่ข้างกายแล้ว

หมิ่นประมาท / ดูหมิ่น

เรื่องคดีดูหมิ่น หมิ่นประมาทในทางอาญาและหมิ่นประมาทในทางแพ่งแตกต่างกันอย่างไร เพราะบางครั้งมีการแจ้งความฟ้องศาลให้ลงโทษจำคุกได้ แต่บางครั้งฟ้องเรียกแต่ค่าเสียหายกันอย่างเดียว
การฟ้องให้ลงโทษจำคุกจะเป็นเรื่องของความรับผิดทางอาญา ส่วนการฟ้องเรียกค่าเสียหายจะเป็นเรื่องของความรับผิดในทางแพ่ง ซึ่งการหมิ่นประมาทนั้นอาจเป็นทั้งความรับผิดในทางอาญาและทางแพ่ง หรืออาจเป็นเพียงความผิดฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งได้อย่างเดียว หรืออาจจะเป็นความรับผิดในทางอาญาอย่างเดียว ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทในทางอาญาและทางแพ่งนั้นมีมากมายในที่นี้จึงขออธิบายเพียงกว้าง ๆ ว่าการหมิ่นประมาทในทางแพ่งและหมิ่นประมาทในทางอาญานั้นโดยทั่วไปมีความคล้ายกัน ซึ่งพอจะแยกความแตกต่างได้บ้างคือ
1.ดูจากเจตนา กล่าวคือ ในทางอาญา การหมิ่นประมาทนั้นต้องเป็นการกระทำโดยเจตนาเท่านั้น ดังนั้นถ้าเป็นการกระทำโดยไม่เจตนาหรือเป็นการกระทำโดยประมาทในความรับผิดทางอาญาจะไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท แต่หมิ่นประมาทในทางแพ่งนั้นนอกจากจะกระทำโดยเจตนาคือ จงใจกระทำแล้ว ในบางกรณีแม้เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อในการกล่าวหรือไขข่าว ก็อาจมีความผิดในทางแพ่งเรื่องละเมิดได้ แม้ว่าผู้กล่าวหรือไขข่าวจะไม่มีเจตนาให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของผู้อื่น
2.ดูจากความที่กล่าวหรือไขข่าว กล่าวคือ การหมิ่นประมาทในทางแพ่งนั่นถ้าเป็นการพูดเรื่องจริง กล่าวหรือไขข่าวในข้อความที่เป็นจริงจะไม่ถือว่าเป็นการละเมิด เพราะว่าหากเป็นเรื่องจริงผู้ถูกกล่าวถึงนั้นย่อมไม่ได้รับความเสียหาย แต่สำหรับความรับผิดทางอาญานั้น แม้ข้อความที่กล่าวนั้นจะเป็นเรื่องจริงก็อาจเป็นความรับผิดทางอาญาได้ โดยจะเห็นได้จากในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330 ที่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่จริง ถ้าหากคำกล่าวหรือข้อความที่กล่าวใส่ความนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวและการพิสูจน์นั้นไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน
3.ดูเรื่องความเสียหายที่ได้รับ ในทางอาญาผลของการใส่ความจะเป็นการเสียหายต่อชื่อเสียง ทำให้ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง แต่การหมิ่นประมาทในทางแพ่งนั้น กฎหมายจะกำหนดความเสียหายไว้กว้างกว่าคือ นอกจากจะเป็นการเสียหายต่อชื่อเสียงแล้ว ยังรวมถึงความเสียหายต่อทางทำมาหาได้ เกียรติคุณหรือทางเจริญด้วย
นอกจากนี้ในความรับผิดทางอาญานั้น บางครั้งการพูดดูถูกผู้อื่นอาจเป็นเพียงการดูหมิ่นอันเป็นเพียงความผิดที่มีโทษเพียงเล็กน้อยซึ่งเรียกว่า ความผิดลหุโทษ คือ ความผิดฐานดูหมิ่นนั้นจะมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยการกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเหยียดหยามบุคคลอื่น แต่ไม่ถึงกับทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณเพราะคำดูหมิ่นนั้นไม่อาจจะเป็นความจริงได้ ได้แก่คำด่าต่าง ๆ เช่น คำว่า ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ไอ้เหี้ย ไอ้ผีปอบ ฯลฯ หรืออาจเป็นอาการดูหมิ่นต่าง ๆ เช่น การแลบลิ้นใส่ การยกเท้าแสดงอาการไม่สุภาพ ฯลฯโดยไม่ต้องเป็นการกล่าวต่อบุคคลที่สาม
แต่ถ้าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทในทางอาญาแล้วจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญเข้ามาอีกประการหนึ่งคือ ต้องเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นมากล่าวอ้างต่อบุคคลที่สามด้วย ซึ่งจะทำให้บุคคลที่สามได้เห็นพฤติกรรมการกระทำของบุคคลนั้น และความผิดฐานหมิ่นประมาทในทางอาญานั้นโทษจะหนักกว่าคือ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ.